วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนต



จอมพล มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) (28 มีนาคม พ.ศ. 2394 - 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2474) เป็นบุตรของพระยาสุรศักดิ์มนตรี (แสง แสง-ชูโต) กับคุณเดิม บุนนาค ภริยาชื่อ คุณไร บุนนาค บุตรีเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์พิพัฒนศักดิ์ (วร บุนนาค) ภายหลังที่ คุณไร บุนนาค ถึงแก่กรรม ได้สมรสกับท่านผู้หญิงเลี่ยม พรตพิทยพยัต (น้องสาวคุณไร)

จอม พลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี มีชื่อเดิมว่า เจิม แสงชูโต เป็นชาวฝั่งธนบุรี เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2394 เป็นบุตรของพระยาสุรศักดิ์มนตรี (แสง แสงชูโต) เนื่องจากมารดาถึงแก่กรรม ท่านเจิมจึงได้บวชเณร ที่วัดพิชัยญาติ หรือวัดพิชยญาติการาม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับมารดา จึงมีโอกาสเรียนหนังสือที่วัดพิชัยญาติ
กระทั่ง อายุ 15 ปี ได้เข้าเรียน ที่สำนักสมเด็จ เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ที่สมุหกลาโหม หลังจากเรียนจนชำนาญ ได้เข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเมื่อครั้งที่ ทรงสเด็จเสวยราชสมบัติแรกๆ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมทหารมหาดเล็ก เพื่อฝึกสอนวิชาทหาร ท่านเจิมจึงได้รับบรรจุ เป็นมหาดเล็กหมายเลข 1 นอกจากนี้ ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งเป็นกองทหารองครักษ์ ซึ่งต่อมาเป็น กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในปัจจุบัน
ครั้น เมื่อปี พ.ศ. 2414 เจิม แสงชูโต ได้รับยศนายร้อยตรี ตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยที่ 6 มีบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงศัลยุทธสรกรร" และตามสเด็จประพาสอินเดีย จึงได้เปลี่ยนบรรดาศักดิ์ใหม่เป็น "หลวงศัลยุทธวิธีการ" โดยต่อมา ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น "จมื่นสราภัยสฤษดิ์การ" เนื่องจากเป็นอุปทูตไปกรุงปัตตาเวีย
ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2421 รัฐบาลไทยกับกงสุลอังกฤษ เกิดข้อบาดหมางกัน พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เป็นราชทูตออกไปยัง ประเทศอังกฤษ และจมื่นสราภัยสฤษดิ์การ เป็นอุปทูตร่วมคณะ จนกระทั่งเรื่องราวสงบเรียบร้อย จึงได้รับความดีความชอบ เลื่อนเป็น "จมื่นไวยวรนาถ"
เมื่อปี พ.ศ. 2426 เกิดเหตุโจรผู้ร้ายชุกชุม ที่เมืองสุพรรณบุรี จมื่นไวยวรนาถได้รับมอบหมาย ให้ไปปราบ ซึ่งสามารถปราบได้สำเร็จ รวมทั้งปราบโจรผู้ร้าย จากทางหัวเมืองตะวันออกด้วย ในปี พ.ศ. 2428 ยังได้รับหน้าที่ ให้เป็นแม่ทัพปราบฮ่อ ที่หัวเมืองลาว และในปี พ.ศ. 2430 ได้รับหน้าที่ไปปราบฮ่ออีกครั้งหนึ่ง โดยคิดค้น และผลิตลูกระเบิดขึ้น ใช้ในการรบ จนกระทั่งปราบฮ่อ ได้สำเร็จราบคาบ
จมื่นไวยวรนาถได้ริเริ่มวางแผนการ ก่อตั้งโรงไฟฟ้าขึ้นใช้ในกองทัพบก และเชิญชวนให้มีการเข้าหุ้นตั้งโรงไฟฟ้า ซึ่งท่านนำไฟฟ้ามาใช้ ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยในปี พ.ศ. 2433 มีการจัดตั้งโรงไฟฟ้า ที่วัดเลียบ จนกระทั่งกิจการไฟฟ้าก้าวหน้ามากขึ้น เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประชาชนทั่วไป ได้รับความสะดวกสบาย และมีไฟฟ้าใช้กันเรื่อยมา นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งโรงทหารหน้า (ปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของกระทรวงกลาโหม) โดยแต่เดิม เป็นที่ตั้งของฉางหลวงเก่าด้วย
ภายหลัง จากการปรากบฏฮ่อ ได้สำเร็จถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2435 จึงได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นเสนาบดี กระทรวงเกษตร และต่อมาในปี พ.ศ. 2439 จึงได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น "เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี" และได้รับหน้าที่เป็นแม่ทัพ ไปปราบเงี้ยว ซึ่งก่อการจลาจล ที่หัวเมืองฝ่ายเหนือ เมื่อปี พ.ศ. 2445
เจ้าพระ ยาสุรศักดิ์มนตรี รับใช้ราชการ มาจนกระทั่งสมัยรัชการที่ 6 โดยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี และได้รับพระราชทานนามสกุลว่า "แสงชูโต" ซึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงพระราชยศให้เป็น "จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี" ในฐานะที่มีคุณงามความดีต่อประเทศชาติ
กระทั่ง จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ถึงอสัญกรรมในปี พ.ศ. 2474 โดยต่อมาค่ายสุรศักดิ์มนตรี จังหวัดลำปาง ได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ ในการเป็นแม่ทัพสำคัญ ที่ได้ยกพลไปปราบกบฏเงี้ยว และได้มาพัก ณ บริเวณค่าย สุรศักดิ์มนตรีแห่งนี้ โดยได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2504

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น